ครึ่งทางสู่ AEC ปี 2015

อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโส ด้านเศรษฐกิจของอาเซียน (SEOM) ครั้งที่ 2/43 ระหว่างวันที่ 14-18 พฤษภาคม 2555 ณ ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งในช่วงแรกเป็นการประชุมระหว่างสมาชิกอาเซียน และช่วงหลังเป็นการประชุมกับประเทศภาคีของอาเซียนรวม 8 ประเทศ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ รัสเซีย และแคนาดา

นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการประชุมในช่วงแรกว่าอาเซียนได้พิจารณาเรื่องสำคัญ คือรายงานการประเมินผลการดำเนินการระยะครึ่งทางสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Blueprint Mid-Term Review) จัดทำโดยสถาบันวิจัยเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออก (ERIA) รายงานฉบับนี้ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์ และมีรายงานผลการศึกษาและสำรวจความเห็นของภาคเอกชนต่อมาตรการต่างๆ รวมทั้งเสนอแนะแนวทางสำหรับการปรับปรุง การดำเนินการไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC ในช่วงเวลาที่ เหลืออีกราว 3 ปี ก่อนที่ AEC จะบรรลุผลเป็นรูปธรรมจากการศึกษาดังกล่าว พบว่าการดำเนินการไปสู่ AEC คืบหน้ามากในด้านการลดภาษีศุลกากร โดยประเทศ สมาชิกอาเซียนเดิมมีอัตราภาษีเฉลี่ยร้อยละ 0.5 ส่วน CLMV มีอัตราภาษีเฉลี่ยร้อยละ 2.6 ในขณะที่การดำเนินการ
บางเรื่อง เช่น การเปิดเสรีและอำนวยความสะดวก ต่อการค้าบริการ และการลงทุน ซึ่งแม้จะคืบหน้า แต่ระดับของ ความคืบหน้ายังมีความแตกต่างกันบ้างระหว่างประเทศสมาชิก สำหรับในส่วนผลลัพธ์ของมาตรการต่างๆของประเทศสมาชิก การศึกษาของ ERIA พบว่า ไทยได้รับประโยชน์จากการเปิดเสรีด้านการค้าบริการมากเป็นอันดับ 2 ในอาเซียนรองจากเวียดนาม และกัมพูชาเป็นอันดับ 3

ทั้งนี้ ในภาพรวมพบว่าในกลุ่มประเทศสมาชิกเดิมของอาเซียน ไทยได้ประโยชน์ในด้านการขยายตัวของ GDP มากเป็นอันดับ 3 รองจากอินโดนีเซีย และสิงคโปร์ นอกจากนี้ ยังพบว่า อาเซียนจะได้ประโยชน์มากขึ้น หากมีการเปิด เสรีกับประเทศคู่เจรจาทั้งในกรอบ อาเซียน+3 (13 ประเทศ) และ อาเซียน +6 (16 ประเทศ) แต่การเปิดเสรีในกรอบ อาเซียน+6 จะได้ประโยชน์มากกว่า และไม่ว่าอาเซียนจะเปิดเสรีกับประเทศนอกภูมิภาคในรูปแบบใด ไทยก็จะได้รับประโยชน์มากเป็นอันดับ 3 ในอาเซียน รองจากเวียดนามและกัมพูชา ส่วนมาตรการที่ภาคเอกชนให้ความสำคัญ ได้แก่ มาตรการด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้า เช่น กฎ ว่าด้วยแหล่งกำเนิดของสินค้า กระบวนการด้านศุลกากร การปรับประสานมาตรฐานสินค้า การส่งเสริมและอำนวย ความสะดวกต่อการลงทุน การขนส่งและการสร้างความเชื่อมโยง (connectivity) ภายในภูมิภาค ซึ่งอาเซียนควรจะ ปรับเปลี่ยนกฎหมาย และกฎระเบียบ (Regulatory Reform) อย่างเหมาะสมด้วย เพื่อจะได้รับประโยชน์จาก AEC อย่างเต็มที่ โดยคณะทำงานระดับสูงว่าด้วยการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของอาเซียน (High Level Task Force on ASEAN Economic Integration: HLTF-EI) ก็มีกำหนดจะเข้าร่วมการสัมมนาและหารือเรื่อง Regulatory Reform

ในเดือนกรกฎาคม ศกนี้ และในระหว่างนี้ไทยโดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศได้เสนอเอกสารแนวคิด เกี่ยวกับ แนวทางสำหรับ Regulatory Reform ในอาเซียนให้ประเทศสมาชิกพิจารณาด้วยแล้ว

นางศรีรัตน์ ให้ความเห็นว่าข้อเสนอแนะจากการศึกษา สอดคล้องกับบทบาทและสิ่งที่กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ในฐานะ National AEC Coordinating Agency ของไทย ได้ดำเนินการและผลักดันมาตลอดรวมทั้งเรื่องการสร้างความตระหนักรู้เพื่อส่งเสริมการใช้ประโยชน์และสร้างเสริมความรู้ ความเข้าใจของภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งประชาชนทั่วไป นักธุรกิจและ SME

ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

เตือน ! แบงก์ปลอมระบาดหนัก

ธนบัตร

ธนบัตร

ธปท. เตือนธนบัตรปลอมระบาด ระบุให้ระวังการใช้เงินในสถานที่ที่มีแสงน้อย หรือช่วงเวลาโพล้เพล้ ส่วนใหญ่เป็นแบงก์ราคา 500-1,000 บาท ย้ำ หากใครพบให้แจ้งเบาะแสที่ตำรวจหรือ ธปท.และรับเงินนำจับ 30%

เมื่อวันที่ 25 พ.ค. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกประกาศเตือนเรื่องการพบธนบัตรปลอม ในบางจังหวัดอยู่ในขณะนี้นั้น โดยธปท. ได้ติดตามสถานการณ์เรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ซึ่งขอเตือนว่า เท่าที่ติดตามนั้น การใช้ธนบัตรปลอมจะเกิดขึ้น ในช่วงเวลา หรือสถานที่ีที่มีแสงน้อย เช่น เวลาโพล้เพล้ หรือ พลบค่ำ และมีลักษณะ การใช้ธนบัตรปลอมชนิดราคาสูงซื้อสินค้ามูลค่าต่ํา เพื่อหวังเงินทอน และ/หรือ นําธนบัตรปลอมสอดแทรกปะปนรวมกับธนบัตรจริง เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจพบ อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมา ธปท. รับทราบเรื่อง และได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตํารวจเพื่อจับกุมผู้กระทําความผิดมาดําเนินคดีตาม กฎหมายแล้ว แต่เพื่อความไม่ประมาทขอเตือนมายังประชาชนให้ระมัดระวัง และตรวจสอบการรับจ่ายธนบัตรภายใต้สภาพแวดล้อมและสถานการณ์ดังกล่าว

สําหรับธนบัตรที่หมุนเวียนอยู่นี้ มีลักษณะการต่อต้านการปลอมแปลงที่สังเกตได้ง่ายด้วย 3 วิธี ได้แก่ สัมผัส ยกส่อง พลิกเอียง โดยวิธีการสัมผัสง่ายๆ ให้สัมผัสลายเส้นนูนที่ตัวเลขแจ้งราคามุมขวาบนของธนบัตรและบริิเวณ คําว่า “รัฐบาลไทย” เมื่อใช้ปลายนิ้วสัมผัสจะรู้สึกสะดุดกับหมึกพิมพ์ สำหรับการยกส่อง เมื่อยกธนบัตรส่องกับแสงสว่างบริเวณพื้นที่ว่างด้านขวาของธนบัตรจะเห็นลายน้ํา พระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ ซึ่งอยู่ในเนื้อกระดาษอย่างชัดเจนทั้ง ด้านหน้าและด้านหลัง พร้อมรูปลายไทยขนาดเล็ก ที่มีความโปร่งแสงเป็นพิเศษ

นอกจากนั้น บริเวณด้านซ้ายของธนบัตรใกลกับพระครุฑพ่าห์ มีแถบสีโลหะขนาดเล็ก ฝังอยู่ในเนื้อกระดาษตามแนวตั้ง บนแถบมีตัวเลขและอักษรขนาดเล็กแจ้ง ชนิดราคาธนบัตร ส่วนการพลิกเอียง ตัวเลขอารบิกแจ้งราคามุมขวาบนจะเปลี่ยนสี สนับจากสีหนึ่งเป็นอีกสี เมื่อพลิกเอียงเปลี่ยนมุมมอง โดยธนบัตรชนิด ราคา 1,000 บาท จะเปลี่ยนจากสีทอง เป็นสีเขียว และธนบัตรชนิดราคา 500 บาท เปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีม่วง

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถชมวิธีตรวจสอบธนบัตรชนิดราคาต่าง ๆ และวีดิทัศน์แนะนําวิธีสังเกตธนบัตร ได้ที่ http://www.bot.or.th ในหัวข้อ ธนบัตร “วิธีตรวจสอบธนบัตร” และหากมีผู้พบเห็นหรือสงสัยว่ามีผู้นําธนบัตรปลอมมาใช้ ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตํารวจใกล้ที่พบหรือ โทรศัพท์แจ้ง ธปท. ที่หมายเลข 0-2356-7990 และ 0-2356-7987 โดยผู้แจ้งเบาะแสธนบัตรปลอม มีสิทธิได้รับ เงินสินบน 30% ของราคาหน้าธนบัตรปลอม หรือ ราคาอุปกรณ์ที่จับกุมได้ แต่สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท เพื่อเป็นการช่วยยับยั้งการแพร่กระจายต่อไป

โดย: ทีมข่าวเศรษฐกิจ นสพ.ไทยรัฐ

เตือน ! ไม่ส่งงบการเงิน โทษปรับสูงสุด 100,000 บาท

ส่งงบการเงิน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า

ส่งงบการเงิน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เตือนภาคธุรกิจให้ปฏิบัติตามกฎหมาย
ส่งงบการเงินภายในระยะเวลาที่กำหนด
หากฝ่าฝืนโทษนิติบุคคลปรับสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท
และปรับกรรมการผู้รู้เห็นไม่เกิน 50,000 บาท ทั้งนี้
หวังสร้างธรรมาภิบาลในการดำเนินธุรกิจ
และสร้างความน่าเชื่อถือทั้งในระดับประเทศและระดับสากล

นายวิชัย โภชนกิจ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า
ปัจจุบันมีนิติบุคคลกว่า 30,000 ราย
ที่ละเลยต่อการปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น การไม่นำส่งงบการเงิน
ซึ่งเป็นหลักฐานแสดงฐานะของธุรกิจ ประจำปี ภายใน 5 เดือนหลังปิดบัญชี
ทำให้ภาคธุรกิจของไทยถูกมองว่าขาดธรรมาภิบาล
และได้รับความเชื่อถือจากคู่ค้าและนักลงทุนลดลง

เพื่อป้องปรามไม่ให้ภาคธุรกิจกระทำการฝ่าฝืนกฎหมาย
และนำส่งงบการเงินภายในระยะเวลาที่กำหนด กรมฯ
จึงได้มีการกำหนดโทษผู้กระทำความผิดรุนแรงขึ้น
ทั้งนิติบุคคลที่เป็นบริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน
บริษัทมหาชนจำกัด นิติบุคคลต่างประเทศ และกิจการร่วมค้า
ซึ่งจะทำการปรับทั้งนิติบุคคลและกรรมการผู้จัดการ/หุ้นส่วนผู้จัดการ
หรือผู้รับผิดชอบในการดำเนินงาน

และจากการที่กรมฯ ได้ให้ความสำคัญกับการนำส่งงบการเงินเป็นพิเศษ
นอกจากการปรับอัตราโทษให้สูงขึ้นแล้ว กรมฯ
ได้มีการปรับขั้นตอนและวิธีดำเนินการกับผู้ที่ฝ่าฝืนให้มีความรุนแรงยิ่งขึ้น
โดยการเรียกตรวจบัญชีอย่างละเอียด
และลงโทษตามกฎหมายบัญชีอีกกระทงหากพบมีการทำผิด
จะหมายเหตุแจ้งเตือนในหนังสือรับรองนิติบุคคลว่านิติบุคคลรายดังกล่าวไม่ส่งงบการเงิน
พร้อมนำชื่อขึ้นเว็บไซต์ของกรมฯ
เพื่อให้สาธารณะได้รับทราบและใช้ความระมัดระวังในการทำนิติกรรมด้วย
ซึ่งหากพบว่ามีการละเลยไม่ส่งงบการเงินติดต่อกันเป็นเวลา 3 ปี
กรมฯ ก็จะลงโทษสูงสุดโดยการเพิกถอนหรือขีดชื่อออกจากทะเบียนธุรกิจ
ซึ่งจะทำให้นิติบุคคลนั้นไม่สามารถทำนิติกรรมได้อีกต่อไป

ทั้งนี้ การนำส่งงบการเงินภายในระยะเวลาจะส่งผลดีต่อภาคธุรกิจโดยตรง
สามารถสร้างความน่าเชื่อถือต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม
รวมทั้งนักลงทุนและผู้ประกอบการมีข้อมูลสำหรับใช้ในการวิเคราะห์การลงทุน
และรายละเอียดธุรกิจที่ถูกต้องครบถ้วน
สามารถแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใส การมีธรรมาภิบาลและตรวจสอบได้

พร้อมกันนี้ กรมฯ ได้อำนวยความสะดวกแก่ภาคธุรกิจมากขึ้น
โดยได้มีการปรับวิธีการนำส่งงบการเงิน เพื่อลดภาระแก่นิติบุคคล
โดยนำส่งงบการเงินเพียง 1 ชุด ได้ที่ (1) ที่ทำการไปรษณีย์กว่า
1,300 แห่งทั่วประเทศ (2) สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าเขต 1-5 (3)
สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดและสาขา
หรือกรมพัฒนาธุรกิจการค้า สนามบินน้ำ ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2555

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
1570 หรือ www.dbd.go.th

ที่มา: กรมพัฒนาธุรกิจการค้า

บทสวดคาถาชินบัญชร โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)

คาถาชินบัญชร

สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)

สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)

พระคาถาชินบัญชร (อ่านว่า ชินะ- ชินนะบันชอน) เป็นหนึ่งในบทสวดมนต์ที่พุทธศาสนิกชน ชาวไทยนิยมสวดมากที่สุด สันนิษฐานว่าพระเถระชาวล้านนาเป็นผู้แต่งขึ้น และเป็นพระคาถาสำคัญในพิธีกรรมตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา ดังปรากฏหลักฐานในพระราชพิธีจักรพรรดิราชาธิราช ต่อมาได้ปรับปรุงแก้ไขให้สมบูรณ์ขึ้นโดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี วัดระฆังโฆสิตาราม สมเด็จพระพุฒาจารย์องค์ที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (สมัยรัชกาลที่ 4) บทสวดชินบัญชรนี้ยังพบในประเทศพม่าและศรีลังกาอีกด้วย

การหัดสวดคาถาชินบัญชรควรจะเริ่มสวดในวันพฤหัสบดีข้างขึ้น(ยิ่งขึ้นมากยิ่ง ดี) ให้เตรียมดอกไม้ 3 สี หรือดอกบัว 9 ดอก และดอกมะลิร่วง(เด็ดก้านดอก) 1 กำ ธูปหอมอย่างดี 9 ดอก เทียน(เล่มหนัก1บาท ถ้าไม่มีใช้2บาท แต่ควรใช้1บาทเพื่อเป็นสิริมงคล) จำนวน 9 เล่ม จากนั้นให้จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยโดยการตั้งนะโม 3 จบ ต่อด้วยบทพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ จากนั้นตั้งจิตนึกถึงสมเด็จโต

ชินบัญชร มาจากคำว่า ชิน ซึ่งแปลว่า ผู้ชนะ อันหมายถึงพระชินเจ้าหรือพระพุทธเจ้า และคำว่า บัญชร ซึ่งแปลว่า กรง ลูกกรง ซี่กรง รวมกันเป็นชินบัญชร ซึ่งเป็นประดุจแผงเหล็กหรือเกราะเพชรที่แข็งแรง สามารถปกป้องคุ้มกันอุบัติภัย อันตรายและศัตรูหมู่มารทั้งปวงได้

บทสวดคาถาชินบัญชร โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)

ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ค้นพบในคัมภีร์โบราณและได้ดัดแปลงแต่งเติมให้ดีขึ้น พระคาถานี้เป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ตกทอด มาจากลังกา เป็นเอกลักษณ์พิเศษ

ผู้ใดสวดภาวนาพระคาถานี้เป็นประจำสม่ำเสมอจะทำให้เกิดความสิริมงคลแก่ตนเอง ศัตรูไม่กล้ากล้ำกราย มีเมตตามหานิยม ขจัดภัยตลอดจนคุณไสยต่าง ๆ สาธุ…

 

ก่อนเจริญภาวนาให้ตั้งนะโม ๓ จบ แล้วระลึกถึงหลวงปู่โตและตั้งคำอธิษฐานแล้วเริ่มสวด

เริ่มสวด นะโม 3 จบ

นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นึกถึงหลวงปู่โตแล้วตั้งอธิษฐาน
ปุตตะกาโมละเภปุตตัง ธะนะกาโมละเภธะนัง
อัตถิกาเยกายะญายะ เทวานังปิยะตังสุตตะวา
อิติปิโสภะคะวา ยะมะราชาโน ท้าวเวสสุวัณโณ
มรณังสุขัง อะระหังสุคะโต นะโมพุทธายะ

เริ่มบทพระคาถาชินบัญชร

ชะยาสะนากะตา พุทธา       เชตวา มารัง สะวาหะนัง
จะตุสัจจาสะภัง ระสัง         เย ปิวิงสุ นะราสะภา.

ตัณหังกะราทะโย พุทธา      อัฏฐะวีสะติ นายะกา
สัพเพ ปะติฏฐิตา มัยหัง       มัตถะเกเต มุนิสสะรา.

สีเส ปะติฏฐิโต มัยหัง        พุทโธ ธัมโม ทะวิโลจะเน
สังโฆ ปะติฏฐิโต มัยหัง      อุเร สัพพะคุณากะโร.

หะทะเย เม อะนุรุทโธ        สารีปุตโต จะทักขิเณ
โกณฑัญโญ ปิฏฐิภาคัสมิง    โมคคัลลาโน จะ วามะเก.

ทักขิเณ สะวะเน มัยหัง       อาสุง อานันทะ ราหุโล
กัสสะโป จะ มะหานาโม      อุภาสุง วามะโสตะเก.

เกสันเต ปิฏฐิภาคัสมิง        สุริโย วะ ปะภังกะโร
นิสินโน สิริสัมปันโน          โสภิโต มุนิปุงคะโว

กุมาระกัสสโป เถโร           มะเหสี จิตตะ วาทะโก
โส มัยหัง วะทะเน นิจจัง       ปะติฏฐาสิคุณากะโร.

ปุณโณ อังคุลิมาโร จะ          อุปาลี นันทะ สีวะลี
เถรา ปัญจะ อิเม ชาตา        นะลาเต ติละกา มะมะ.

เสสาสีติ มะหาเถรา            วิชิตา ชินะสาวะกา
เอเตสีติ มะหาเถรา            ชิตะวันโต ชิโนระสา
ชะลันตา สีละเตเชนะ           อังคะมังเคสุ สัณฐิตา.

ระตะนัง ปุระโต อาสิ            ทักขิเณ เมตตะ สุตตะกัง
ธะชัคคัง ปัจฉะโต อาสิ         วาเม อังคุลิมาละกัง

ขันธะโมระปะริตตัญจะ         อาฏานาฏิยะ สุตตะกัง
อากาเส ฉะทะนัง อาสิ           เสสา ปาการะสัณฐิตา

ชินา นานาวะระสังยุตตา         สัตตัปปาการะ ลังกะตา
วาตะปิตตาทะสัญชาตา          พาหิรัช ฌัตตุปัททะวา.

อะเสสา วินะยัง ยันตุ            อะนันตะชินะ เตชะสา
วะสะโต เม สะกิจเจนะ          สะทา สัมพุทธะปัญชะเร.

ชินะปัญชะระมัชฌัมหิ           วิหะรันตัง มะฮี ตะเล
สะทา ปาเลนตุ มัง สัพเพ        เต มะหาปุริสาสะภา.

อิจเจวะมันโต            สุคุตโต สุรักโข
ชินานุภาเวนะ           ชิตุปัททะโว
ธัมมานุภาเวนะ          ชิตาริสังโฆ
สังฆานุภาเวนะ          ชิตันตะราโย
สัทธัมมานุภาวะปาลิโต   จะรามิ ชินะ ปัญชะเรติ.

คำแปล

พระพุทธเจ้าและพระนราสภาทั้งหลาย ผู้ประทับนั่งแล้วบนชัยบัลลังก์
ทรงพิชิตพระยามาราธิราชผู้พรั่งพร้อมด้วยเสนาราชพาหนะแล้ว เสวยอมตรสคือ
อริยะสัจธรรมทั้งสี่ประการ เป็นผู้นำสรรพสัตว์ให้ข้ามพ้นจากกิเลสและกองทุกข์

มี ๒๘ พระองค์คือ พระผู้ทรงพระนามว่า ตัณหังกรเป็นต้น พระพุทธเจ้าผู้จอมมุนีทั้งหมดนั้น

ข้าพระพุทธเจ้าขออัญเชิญมาประดิษฐานเหนือเศียรเกล้า
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประดิษฐานอยู่บนศีรษะ
พระธรรมอยู่ที่ดวงตาทั้งสอง
พระสงฆ์ผู้เป็นอากรบ่อเกิดแห่งสรรพคุณอยู่ที่อก

พระอนุรุทธะอยู่ที่ใจพระสารีบุตรอยู่เบื้องขวา
พระโมคคัลลาน์อยู่เบื้องซ้าย พระอัญญาโกณทัญญะอยู่เบื้องหลัง

พระอานนท์กับพระราหุลอยู่หูขวา
พระกัสสะปะกับพระมหานามะอยู่ที่หูซ้าย

มุนีผู้ประเสริฐคือพระโสภิตะผู้สมบูรณ์ด้วยสิริดังพระอาทิตย์ส่องแสง
อยู่ที่ทุกเส้นขน ตลอดร่างทั้งข้างหน้าและข้างหลัง

พระเถระกุมาระกัสสะปะผู้แสวงบุญทรงคุณอันวิเศษ
มีวาทะอันวิจิตรไพเราะอยู่ปากเป็นประจำ

พระปุณณะ พระอังคุลิมาล พระอุบาลี พระนันทะ และพระสีวะลี
พระเถระทั้ง ๕ นี้ จงปรากฏเกิดเป็นกระแจะจุณเจิมที่หน้าผาก

ส่วนพระอสีติมหาเถระที่เหลือผู้มีชัยและเป็นพระโอรส
เป็นพระสาวกของพระพุทธเจ้าผู้ทรงชัย แต่ละองค์ล้วน
รุ่งเรืองไพโรจน์ด้วยเดชแห่งศีลให้ดำรงอยู่ทั่วอวัยวะน้อยใหญ่

พระรัตนสูตรอยู่เบื้องหน้าพระเมตตาสูตรอยู่เบื้องขวา
พระอังคุลิมาลปริตรอยู่เบื้องซ้าย พระธชัคคะสูตรอยู่เบื้องหลัง

พระขันธปริตร พระโมรปริตร และพระอาฏานาฏิยสูตร
เป็นเครื่องกางกั้นดุจหลังคาอยู่บนนภากาศ

อนึ่งพระชินเจ้าทั้งหลาย นอกจากที่ได้กล่าวมาแล้วนี้
ผู้ประกอบพร้อมด้วยกำลังนานาชนิด มีศีลาทิคุณอันมั่นคง
สัตตะปราการเป็นอาภรณ์มาตั้งล้อมเป็นกำแพงคุ้มครองเจ็ดชั้น

ด้วยเดชานุภาพแห่งพระอนันตชินเจ้าไม่ว่าจะทำกิจการใดๆ
เมื่อข้าพระพุทธเจ้าเข้าอาศัยอยู่ในพระบัญชรแวดวงกรงล้อม
แห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอโรคอุปัทวะทุกข์ทั้งภายนอกและภายใน
อันเกิดแต่โรคร้าย คือ โรคลมและโรคดีเป็นต้น
เป็นสมุฏฐานจงกำจัดให้พินาศไปอย่าได้เหลือ

ขอพระมหาบุรุษผู้ทรงพระคุณอันล้ำเลิศทั้งปวงนั้น
จงอภิบาลข้าพระพุทธเจ้า ผู้อยู่ในภาคพื้น ท่ามกลางพระชินบัญชร
ข้าพระพุทธเจ้าได้รับการคุ้มครองปกปักรักษาภายในเป็นอันดีฉะนี้แล

ข้าพระพุทธเจ้าได้รับการอภิบาลด้วยคุณานุภาพแห่งสัทธรรม
จึงชนะเสียได้ซึ่งอุปัทวอันตรายใดๆ ด้วยอานุภาพแห่งพระชินะพุทธเจ้า
ชนะข้าศึกศัตรูด้วยอานุภาพแห่งพระธรรม ชนะอันตรายทั้งปวงด้วยอานุภาพ
แห่งพระสงฆ์ ขอข้าพระพุทธเจ้าจงได้ปฏิบัติ และรักษาดำเนินไปโดยสวัสดีเป็นนิจนิรันดรเทอญฯ

ที่มา: kapook.com, wikipedia.com, youtube.com

กรมธนารักษ์เก็บเหรียญ 2 บาทสีเงินเข้าคลัง เหลือสีทองเพียงอย่างเดียว

กรมธนารักษ์เก็บเหรียญ 2 บาทสีเงินเข้าคลัง เหลือสีทองเพียงอย่างเดียว

เหรียญบาทไทย

เหรียญบาทไทย

นางทัศนีย์ พงศ์ละไม รองอธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า จากภาวะค่าครองชีพแพง มาจากต้นทุนราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการทั้งรถเมล์ ขสมก. เรือ และสินค้าประเภทต่างๆ ตลอดจนตู้หยอดเหรียญ เครื่องหยอดเหรียญ เมื่อทำการปรับราคาสินค้าอาจคิดเป็นเศษสตางค์ ทั้ง 25 และ 50 สตางค์ ดังนั้น กรมธนารักษ์ซึ่งรับผิดชอบการผลิตเหรียญกษาปณ์ และบริหารจัดการส่งเหรียญออกสู่ระบบ ต้องคอยดูแลเหรียญกษาปณ์ให้เพียงพอต่อความต้องการ ไม่ให้เกิดปัญหาขาดตลาด เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งในการบริหารจัดการให้เกิดการหมุนเวียนของเงินสะดวกคล่องตัว มีสภาพคล่องมากขึ้น เพราะมีส่วนทำให้เม็ดเงินในเศรษฐกิจเกิดการหมุนเวียนคล่องตัว

ปัจจุบันกรมธนารักษ์ได้ผลิตเหรียญกษาปณ์ 25 และ 50 สตางค์ รองรับสำหรับการใช้ในระบบประมาณ 10-12 ล้านเหรียญ สามารถใช้ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2556 แต่การใช้เหรียญเศษสตางค์เริ่มจำกัดลงในสินค้าหลายประเภท เนื่องจากใช้งานไม่สะดวก และการปรับเพิ่มราคา เช่น ข้าวราดแกง อาหารการกินประจำวันต่างๆ หรือสินค้าประเภทอื่น มักจะปรับเพิ่มครั้งละ 1-5 บาท โดยจะไม่คำนวณปรับเพิ่มเป็นเศษสตางค์เหมือนกับค่าโดยสาร ทำให้เริ่มบริหารจัดการเหรียญสตางค์ง่ายขึ้น ขณะนี้มีแต่ค่าโดยสารที่ต้องใช้เงินทอนเป็นเศษสตางค์ จึงต้องดูแลเพื่อไม่ให้เหรียญขาดตลาด

สำหรับการผลิตเหรียญ 2 บาทออกใช้ในระบบนั้น มีเหรียญ 2 บาท 2 ประเภท คือ เหรียญสีเงินและสีทอง ดังนั้น เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความสับสน ในการใช้งาน จึงค่อยทยอยดูดเหรียญ 2 บาทสีเงินคืนสู่คลังให้หมด เพื่อต้องการให้มีเหรียญ 2 บาทสีทองเพียงอย่างเดียว ที่ผ่านมาได้ปล่อยเหรียญสีเงินออกสู่ระบบไปแล้ว 400 ล้านเหรียญส่งคืนกลับเข้ามาได้แล้ว 100 ล้านเหรียญ และได้ส่งเหรียญสีทองออกไปทดแทน คาดว่าในช่วง 2 ปีจะส่งคืนเหรียญสีเงินกลับมาให้มากที่สุด.

(ที่มา: สำนักข่าวไทย)

วิธีการขอหนังสือรับรองบริษัท e-Certificate

วิธีการขอหนังสือรับรองบริษัท e-Certificate DBD
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์

How to Order Company e-Certificate
from Department of Business Development?

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้เพิ่มช่องทางการให้บริการออกหนังสือรับรองนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านธนาคาร (e-Certificate) โดยจะเปิดให้บริการ ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2555 เป็นต้นไป

สอบถามข้อมูล e-Certificate ติดต่อฝ่ายบริการหนังสือรับรองนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านธนาคาร โทรศัพท์ 02 547 4387 , 02 547 4367 โทรสาร 02 547 5993
E-mail : ecertificate@dbd.go.th

สอบถามข้อมูล e-Service ติดต่อฝ่ายบริการข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ โทรศัพท์ 02 547 5994, 02 547 5160 สายภายใน 3636,3630 โทรสาร 02 547 5993
E-mail: onlinedocument@dbd.go.th

ตั้งแต่วันที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๕ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะขยายช่องทางการให้บริการหนังสือรับรอง รับรองสำเนา และถ่ายเอกสารทางอินเทอร์เน็ต (e-Service) ไปยังสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าเมืองพัทยา ครอบคลุมพื้นที่ในเขตอำเภอบางละมุง ศรีราชา เกาะสีชัง และสัตหีบ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวก รวดเร็ว ประหยัดเวลา และค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ให้กับภาคธุรกิจได้มากยิ่งขึ้น โดยผู้รับบริการสามารถขอใช้บริการได้ ดังนี้

เลือกใช้บริการขอหนังสือรับรอง/คัดสำเนา โดยเลือกเมืองพัทยา

เลือกช่องทางการรับเอกสาร ได้แก่

๑) มารับเอกสารด้วยตนเอง ณ สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าเมืองพัทยา

๒) ไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (EMS)

ชำระผ่านธนาคารกรุงไทย โดยสามารถเลือกช่องทางการชำระเงินได้ ดังนี้

๑) Internet Banking

๒) ตู้ ATM

๓) เคาน์เตอร์ธนาคาร

ที่มา: กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์

RO Drinking Water Vending Machine How to Remove Display

RO Drinking Water Vending Machine How to Remove Display

RO Drinking Water Vending How to Remove Display (1/8)

RO Drinking Water Vending How to Change IC (2/8)

RO Drinking Water Vending How to Change IC (3/8)

RO Drinking Water Vending How to Mark New Display Position (4/8)

RO Drinking Water Vending How to Screw New Position (5/8)

RO Drinking Water Vending How to Install New Display (6/8)

RO Drinking Water Vending How to Connect to Board Control (7/8)

RO Drinking Water Vending How to Testing New Display (8/8)

Before Change to New 2 Displays
http://www.jsk2545.com/product_water_vending-eng.html

วิธีการเปลี่ยนหน้าจอดิสเพลย์เป็นแบบ 2 หน้าจอ
http://www.jsk2545.com/product_water_vending.html

JSK PROMOTION CO., LTD.
THAILAND VENDING MACHINE MANUFACTURER
Tel. (+66)2245-7575-9, (+66)8-6999-8502
Fax. (+66)2246-8855
E-mail : rainbow@jsk2545.com
MSN: jsk2545@hotmail.com
Facebook: http://www.facebook.com/JSKThailandVending
Twitter : http://twitter.com/ThailandVending
Blog : http://jskvending.blogspot.com/
Website: http://www.jsk2545.com/index-english.php

มาตรการช่วยเหลือ และความต้องการของผู้ประกอบการภายหลังน้ำลด

สภาผู้ส่งออก
[17-12-11]
สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สภาผู้ส่งออกฯ)
มีกำหนดจัดสัมมนาระดมความคิดเห็น
“มาตรการช่วยเหลือ และความต้องการของผู้ประกอบการภายหลังน้ำลด”
ในวันอังคารที่ 20 ธันวาคม 2554 เวลา 8.30 – 13.00 น.
ณ ห้องประชุม โรงแรมวรบุรีอโยธยาคอนเวนชั่นรีสอร์ท จ.พระนครศรีอยุธยา

ที่มา: สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.)

หมวดหมู่:ความรู้ทั่วไป

ข้อมูลจดทะเบียนธุรกิจเดือนพฤศจิกายน 2554 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า

ข้อมูลจดทะเบียนธุรกิจเดือนพฤศจิกายน 2554 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า

นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า
การจดทะเบียนธุรกิจในเดือนพฤศจิกายน 2554 มีผู้ประกอบธุรกิจขอจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่เป็นนิติบุคคล ประเภทห้างหุ้นส่วนบริษัทจำกัดทั่วประเทศ จำนวน 2,940 ราย แบ่งเป็นจัดตั้งในกรุงเทพฯ 1,046 ราย ส่วนภูมิภาค 1,894 ราย มีเงินทุนจดทะเบียนจำนวน 17,001 ล้านบาท

นิติบุคคลจดทะเบียนจัดตั้งสูงสุด 3 อันดับแรก คิดเป็นร้อยละ 24 ของการจดทะเบียนจัดตั้งทั้งหมด คือ
1. ก่อสร้างอาคารทั่วไปจำนวน 299 ราย
2. บริการนันทนาการ จำนวน 236 ราย
3. อสังหาริมทรัพย์ จำนวน 174 ราย

สถิติจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ เมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน 2553 ซึ่งมีจำนวน 4,758 ราย ลดลง 1,818 ราย คิดเป็นร้อยละ 38 และเมื่อเปรียบเทียบการจดทะเบียนจัดตั้งเดือนตุลาคม 2554 ลดลง 583 คิดเป็นร้อยละ 16 และเมื่อเปรียบเทียบกับ 11 เดือนแรก (ม.ค. – พ.ย.) ปี 2554 ซึ่งมีจำนวน 52,853 ราย กับ 11 เดือนแรก (ม.ค. – ต.ค.) ปี 2553 ซึ่งมีจำนวน 47,664 ราย เพิ่มขึ้น 5,189 ราย คิดเป็นร้อยละ 10

สำหรับนิติบุคคลที่จดทะเบียนเลิกทั่วประเทศ สถิติจดทะเบียนเลิกในเดือนพฤศจิกายน 2554 มีจำนวน 1,020 ราย แบ่งเป็นกรุงเทพ จำนวน 391 ราย ภูมิภาค 629 ราย มีเงินทุนจดทะเบียน 5,347 ล้านบาท

สำหรับประเภทธุรกิจที่มีจำนวนนิติบุคคลจดทะเบียนเลิกสูงสุด 3 อันดับแรก คิดเป็นร้อยละ 19 ของการจดทะเบียนเลิกทั้งหมด คือ
1. ก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 101 ราย
2. อสังหาริมทรัพย์ จำนวน 59 ราย
3. บริการด้านธุรกิจอื่น 30 ราย

โดยสถิติจดทะเบียนเลิก เมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน 2553 ซึ่งมีจำนวน 662 ราย เพิ่มขึ้น 358 ราย คิดเป็นร้อยละ 54 และเมื่อเปรียบเทียบการจดทะเบียนเลิกเดือนตุลาคม 2554 มีการจดทะเบียนเลิกทั่วประเทศซึ่งมีจำนวน 810 ราย เพิ่มขึ้น 210 ราย คิดเป็นร้อยละ 25 และเมื่อเปรียบเทียบกับ 11 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ย.) ปี 2554 ซึ่งมีจำนวน 6,691 ราย กับ 11 เดือนแรก (ม.ค.- พ.ย.) ปี 2553

ซึ่งมีจำนวน 5,511 ราย เพิ่มขึ้น 1,180 ราย คิดเป็นร้อยละ 21

ทั้งนี้มีจำนวนห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญ บริษัทจำกัดคงอยู่ทั่วประเทศ มีจำนวน 507,637 ราย และบริษัทมหาชนคงอยู่ 918 ราย รวมนิติบุคคลอยู่ทั่วประเทศ
ทั้งสิ้น 508,555 ราย

ที่มา: กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์

หมวดหมู่:ความรู้ทั่วไป

Samsung ซัมซุงห่วงใย ช่วยภัยน้ำท่วม

Samsung ซัมซุง ห่วงใย ช่วยภัยน้ำท่วม

Samsung ซัมซุง ห่วงใย ช่วยภัยน้ำท่วม

Samsung ซัมซุง ห่วงใย ช่วยภัยน้ำท่วม
บริการซ่อมแซม โดยไม่เสียค่าบริการ และรับส่วนลดอะไหล่ถึง 50%

จากสถานการณ์อุทกภัยที่รุนแรงในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ซัมซุงในฐานะผู้นำนวัตกรรมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทย ได้ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่เดือดร้อนตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

และวันนี้ Samsung (ซัมซุง) ได้เดินหน้าสานต่อความห่วงใยต่อพี่น้องชาวไทยอีกครั้งกับโครงการ “ซัมซุงห่วงใย ช่วยภัยน้ำท่วม” ด้วยบริการซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้าซัมซุงทุกชนิดฟรี พร้องส่วนลดอะไหล่ 50% ในเขตพื้นที่ที่สถานการณ์น้ำท่วมเริ่มบรรเทา โดยพี่น้องผู้ประสบภัย สามารถติดต่อศูนย์บริการลูกค้าซัมซุงที่โทร 0-2689-3232 หรือโทรฟรีจากโทรศัพท์บ้าน 1800-29-3232 เพื่อนำสินค้าซัมซุงทุกชนิดมารับบริการซ่อมแซม โดยไม่เสียค่าบริการ และรับส่วนลดอะไหล่ถึง 50% ณ ศูนย์บริการซัมซุง ใกล้บ้านหรือบริการซ่อมถึงที่

หมวดหมู่:ความรู้ทั่วไป